วันอังคารที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2559

วันที่เลวร้ายของพ่อ

                        วันที่ 2 ตุลาคม 2558 คือวันนั้น วันที่ลูกสาวหยุดอ่านหนังสือสอบแต่ต้องไปที่ทำงานกับพ่อ  วันนั้นลูกสาวตื่นสายพ่อก็ไม่ได้เร่งรัดจึงทำให้ต้องไปถึงที่ทำงานสาย พ่อไม่บ่นอะไรเลยเพราะตั้งใจจะเลิกเป็นคนขี้บ่น  พอกลับมาบ้านตอนเย็นพ่อขึ้นไปเห็นลูกสาวกองชุดที่เปลี่ยนเมื่อเช้าทิ้งไว้จึงหงุดหงิดและถามลูกสาวว่าทำไมไม่เก็บ  ลูกสาวตอบว่าเมื่อเช้ารีบจะเก็บเมื่อกลับมาบ้าน แต่ลูกสาวก็ไม่ขึ้นไปเก็บ  ลูกสาวยังเอารองเท้าไปวางจอดขวางประตูตู้เย็นไว้คู่หนึ่ง พ่อจึงเรียกให้มาเก็บและบ่นเสียงดังและถามว่าทำไมถึงไม่เก็บ  ลูกสาวตอบว่าก็เก็บแล้วคู่หนึ่ง  พ่อจึงดุและถามว่าตอบอย่างนี้ได้อย่างไร ย้อนไปเมื่อตอนเช้าลูกสาวบอกกับพ่อว่าขอเป็นคนปลอกสัปปะรด    พอได้เวลาทานข้าวมื้อเย็นลูกสาวอยากกินผัดไทยพ่อก็ขี่จักรยานออกไปซื้อที่ปากซอยให้  และพ่อก็ถามว่าไม่ปลอกสัปปะรดเหรอเพราะว่าเมื่อเช้าลูกขอเป็นคนปลอก ลูกสาวก็ไปเอาสัปปะรดมาปลอกแต่ไม่ทำตามวิธีที่พ่อบอกคือให้ตัดจุกออกก่อน  พ่อจึงถามว่าทำไมไม่ตัด  ลูกสาวตอบว่ากลัวเปื้อน  พ่อจึงบอกให้เอาเขียงมารอง ลูกสาวก็ไม่เอามารอง  พ่อจึงถามว่าทำไมไม่เอามารอง ลูกสาวบอกว่าขี้เกียจ  พ่อได้ยินคำตอบก็โกรธปรี๊ดขึ้นทันทีและก็เสียงดังว่าถ้าขี้เกียจก็ไม่ต้องทำ ไปนั่งดูการ์ตูนเฉย ๆ เลย ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น ข้าวก็ไม่ต้องกิน หลังจากนั้นพ่อก็ปลอกสัปปะรด กินข้าว แล้วก็ขึ้นไปรีดผ้าบนห้อง จนประมาณสามทุ่มพ่อก็รีดผ้าเสร็จลงมาและออกไปรับแม่กลับจากทำงานโอที  ล็อคประตูบ้านไว้ปล่อยให้ลูกสาวนั่งดูการ์ตูนต่อไป ซึ่งปกติลูกสาวจะออกไปรับแม่ด้วยกัน  เมื่อกลับเข้ามาที่บ้านจึงถามว่าสำนึกผิดหรือยัง ลูกสาวจึงเดินมาขอโทษ พ่อจึงเล่าท้าวความว่าวันนี้ลูกทำอะไรที่ไม่ถูกใจพ่อบ้าง ขณะที่พ่อพูดจบลงและหันเบือนหน้าไปทางอื่นลูกสาวก็ล้มลงทั้งยืน  พ่อหันกลับมาแต่ว่าวิ่งไปรับไม่ทัน ลูกสาวนอนแน่นิ่งอยู่กับพื้น  พ่อจึงอุ้มขึ้นมาบนตักและเขย่าตัวเรียกลูก  แม่ได้ยินเสียงเรียกจึงวิ่งลงมาดู เมื่อเห็นลูกนอนนิ่งจึงร้องให้ฟูมฟายถามว่าเกิดอะไรขึ้น ลูกเป็นอะไร ใครทำลูกฉัน  ณ นาทีนั้นหัวใจของพ่อแทบแหลกสลาย  พ่อถามตัวเองว่าทำกับลูกสาวตัวเองได้ขนาดขี้เชียวหรือ เป็นพ่อที่ใจร้ายที่สุด สักพักลูกสาวก็ฟื้นขึ้นมา พ่อรีบถามว่าลูกเจ็บตรงไหนบ้าง  ลูกบอกว่าเจ็บหัว พ่อเอามือไปคลำดูเห็นว่าลูกหัวโน  ณ ขณะที่พ่อกอดลูกอยู่นั้นพ่อรู้แล้วว่าพ่อสามารถให้อภัยลูกได้ทุกอย่าง  พ่อต่างหากที่ผิดเอง ผิดที่เข้มงวดกับลูกมากมาย  พ่อเห็นตัวเองแล้วว่าเลือกวิธีเลี้ยงลูกได้เลวร้ายแค่ไหน ตั้งแต่ลูกเล็ก ๆ แล้วที่พ่อเคยตีลูก พ่อเคยระเบิดอารมณ์เสียงดังใส่ พ่อบ่นเรื่องเดิม ๆ ซ้ำซาก  พ่อจึงพยายามปรับตัวด้วยการหามาตรการมาจัดการแทนการบ่น แทนการลงโทษด้วยวิธีรุนแรง  แต่เหตุการณ์ในครั้งนี้มันกระตุกความคิดของพ่ออย่างแรงให้รู้ตัวว่าพ่อไม่ควรใช้มาตรการที่เลวร้ายใด ๆ พ่อไม่น่าให้ลูกอดข้าวเย็นจนเป็นลม  พ่อควรจะพูดกับลูกดีๆ ลดการคาดหวังหรือกำหนดว่าลูกต้องทำในสิ่งที่พ่ออยากให้ทำหรืออยากให้เป็น  พ่อขอโทษลูกจริง ๆ พ่อไม่ต้องการให้มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้เลย  พ่อรู้แล้วว่าพ่อรักลูกแค่ไหน  และพ่อจะเลี้ยงลูกอย่างไรต่อไป  คืนนั้นพ่อนอนร้องไห้ทั้งคืน