คู่มือการเลือกรถเข็นและเบาะรองนั่งที่เหมาะสมสำหรับผู้พิการ
ปัจจุบันผู้ป่วยหรือผู้พิการมีความสะดวกมากขึ้นในการที่จะเดินทางไปในที่ต่าง
ๆ โดยใช้รถเข็นเป็นพาหนะ
ประกอบกับการออกพระราชบัญญัติเกี่ยวกับอาคารสถานที่ ที่กำหนดให้ต้องมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับผู้พิการหรือผู้ที่ต้องใช้รถเข็น เช่น
ต้องมีทางลาด หรือ ลิฟท์ เพื่อให้สามารถเข็นรถเข็นขึ้นอาคารแทนบันได มีห้องน้ำที่ติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกและเพื่อความปลอดภัย โดยมีการกำหนดมาตรฐานในเรื่องรูปแบบ ขนาด ความสูง ของอุปกรณ์สุขภัณฑ์
กำหนดความกว้างของพื้นที่เพื่อให้สามารถกลับรถเข็นได้ ติดตั้งราวเกาะ ใช้ประตูชนิดบานเลื่อน จัดทำที่จอดรถโดยเฉพาะสำหรับผู้ใช้รถเข็น การปรับสิ่งต่าง ๆ
เหล่านี้ส่งผลให้ผู้ที่ใช้รถเข็นสามารถออกสู่สังคมได้มากขึ้น สามารถทำกิจกรรมดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระได้มากขึ้น พึ่งพาตนเองได้มากขึ้น ฉะนั้นคู่มือเล่มนี้น่าจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องใช้รถเข็น และต้องการเลือกใช้รถเข็นให้เหมาะสมกับสภาพของผู้ป่วย
ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นที่จะทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น
และคงความสามารถในการที่จะทำกิจกรรมในการดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติทั่วไปมากที่สุด
ราเมศร์ เรืองอยู่
ผู้จัดทำคู่มือ
|
หากเราพูดถึงการใช้รถเข็นนั้นจะเห็นว่ามีการใช้กันในหลายกลุ่ม เช่นในกลุ่มเด็ก มีการใช้ในเด็กปกติที่ยังไม่ถึงวัยที่จะเดินได้อย่างแข็งแรง
ก็จะมีการใช้รถเข็นเด็กเพื่อความสะดวกและผ่อนแรงแทนการอุ้มสำหรับพ่อแม่หรือผู้ดูแล
ซึ่งรถเข็นเด็กนี้จะมีรูปแบบแตกต่างกันไป
แต่หากเป็นเด็กพิเศษหรือเด็กพิการที่มีปัญหาด้านการเดินก็ต้องใช้รถเข็นอีกแบบหนึ่งที่มีขนาดและรูปร่างที่เหมาะสมกับเด็ก
แต่ถ้าเป็นกลุ่มผู้ใหญ่ก็จะมีการใช้รถเข็นในผู้ที่มีปัญหาด้านการเดิน คือไม่สามารถเดินได้จากการเกิดพยาธิสภาพที่ใดที่หนึ่งของร่างกายจนเป็นเหตุให้เดินไม่ได้
เช่น เกิดการอ่อนแรงของกล้ามเนื้อ เกิดกระดูกหักจนไม่สามารถยืนลงน้ำหนักได้ เป็นต้น
จากการที่มีเหตุให้ต้องใช้รถเข็น ทำให้คนนั้น
ๆ มีการใช้ในสองลักษณะคือ
การใช้แบบชั่วคราว เช่น เกิดอุบัติเหตุกระดูกขาหักสองข้างก็ต้องใช้รถเข็นจนกว่ากระดูกจะติดดี และการใช้แบบตลอดไป
เช่นในกลุ่มผู้ที่ได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง แล้วเส้นประสาทถูกทำลายจนไม่สามารถเดินได้หรือเกิดความพิการถาวรต้องใช้ชีวิตโดยมีรถเข็นเป็นอุปกรณ์หลักในการเคลื่อนที่ไปตามที่ต่าง
ๆ ด้วยรูปแบบของการใช้ที่ต่างกันนี่เองก็เป็นเหตุปัจจัยหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงในการเลือกชนิดของรถเข็นซึ่งจะขอกล่าวถึงในบทต่อไป
|
รถเข็นมีกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ และมีวิวัฒนาการกันมาเรื่อย ๆ ทั้งด้านรูปร่างหน้าตา วัสดุที่ใช้
และกลไกต่าง ๆ รถเข็นผู้ป่วยที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันนี้มีมากมายหลายชนิดด้วยกัน การแบ่งประเภทขอรถเข็นผู้ป่วยจึงขึ้นอยู่กับว่าเราใช้อะไรเป็นเกณฑ์ในการแบ่ง แต่โดยทั่วไปก็จะแบ่งเป็น
รถเข็นแบบมือหมุนล้อหรือใช้แรงคนเข็น
กับ รถเข็นแบบใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อน
รถเข็นแบบใช้มือหมุนก็ยังแบ่งได้อีกหลายรูปแบบเช่นกัน ซึ่งขึ้นกับว่าจะใช้ลักษณะใดเป็นเกณฑ์ เช่นใช้ลักษณะของการใช้งาน
ก็จะเป็นแบบมาตรฐานทั่วไปสำหรับใช้ในบ้านหรือในอาคาร แบบสำหรับออกไปใช้กลางแจ้ง และแบบสำหรับใช้เดินทาง และในแต่ละแบบก็จะมีรายละเอียดและคุณลักษณะปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป
เช่นวัสดุที่ใช้ทำโครงสร้างก็ทำให้มีความหนักเบาไม่เท่ากัน การใช้ยางล้อแบบสูบลมหรือเป็นยางตัน
ความสามารถในการปรับองค์ประกอบ เช่น สามารถปรับเอนนอนได้ สามารถถอดที่วางแขนได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ปัจจุบันมีรถเข็นผู้ป่วยที่หลากหลายให้เราได้เลือกใช้ และคงต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ
เพื่อให้ได้รถเข็นที่เหมาะสมที่สุดกับผู้ใช้
|
เป็นรถเข็นแบบดั้งเดิม
จะมีลักษณะล้อหลังใหญ่ มีวงล้อโลหะซ้อนด้านนอก (Handrims)
ทั้ง 2 ด้าน สำหรับให้ผู้ป่วยหรือผู้พิการใช้บังคับทิศทางและการเคลื่อนที่ด้วยตนเอง หรือเป็นรถเข็นที่มีคันบังคับอยู่ด้านหลัง
โดยผู้ดูแลเป็นผู้เข็น จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวมือหรือเท้าได้
ปัจจุบันนิยมเป็นแบบผสม คือ
เป็นรถเข็นผู้ป่วยที่มีทั้งคันบังคับด้านหลังและ Handrims จึงเป็นแบบเอนกประสงค์เพื่อความสะดวกในรถเข็นคันเดียว
Handrims
|
|
เป็นรถเข็นที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ในการขับเคลื่อน และมีชุดอุปกรณ์สำหรับเปิด/ปิดระบบพลังงาน
และควบคุมรถให้เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย – ขวา
เหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อจำกัดของการเคลื่อนไหวของแขนและมือ แต่มีข้อเสียคือน้ำหนักรถค่อนข้างมาก
ทำให้การขนย้ายไม่สะดวก
|
ล้อของรถเข็นผู้ป่วย
ล้อรถเข็นแบบมือหมุนหรือรถเข็นไฟฟ้า จะมี 2 ประเภท คือ แบบล้อยางตัน กับ
แบบล้อสูบลม ทั้ง 2 แบบมีข้อดีและข้อด้อย
และขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานคือ
1.
ล้อรถเข็นผู้ป่วยแบบยางสูบลม
ข้อดีคือให้ความนุ่มนวลสำหรับผู้ใช้
สามารถเคลื่อนที่ได้ในพื้นที่ทั่วไป ไม่จำเป็นว่าพื้นต้องเรียบนัก
ฉะนั้น รถเข็นผู้ป่วยแบบสำหรับไปข้างนอกบ้านหรือกลางแจ้ง(Outdoor) รถเข็นผู้ป่วยแบบพกพาหรือรถเข็นไฟฟ้า
จึงนิยมใช้ล้อแบบนี้ แต่มีข้อด้อยที่
ต้องมีการสูบเพื่อเติมลมและอาจเกิดการรั่วได้
|
เบาะนั่งและพนักพิง
เบาะนั่งของรถเข็นส่วนใหญ่จะเป็นวัสดุชนิดเดียวกันกับส่วนที่เป็นพนักพิง ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นวัสดุที่ทำจากผ้า และ ทำจากหนังเทียมหรือไวนิล วัสดุที่ทำจากผ้ามีข้อเสียคือเปียกน้ำและทำความสะอาดยากแต่จะให้
รถเข็นแต่ละรุ่นหรือยี่ห้อจะมีรูปแบบของระบบห้ามล้อที่แตกต่างกันไป
แต่ส่วนใหญ่จะใช้หลักการเดียวกันคือทำให้เกิดแรงเสียดทานเกิดขึ้นกับล้อหลังของรถเข็น บางรุ่นมีระบบห้ามล้ออยู่ที่มือจับเข็นรถอีกจุดหนึ่งด้วย
การเลือกรถเข็น
ในการเลือกรถเข็นให้เหมาะสมนั้นมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงหลายอย่างด้วยกัน ซึ่งเราคงไม่สามารถเลือกหรือตัดสินใจโดยใช้เกณฑ์ตัวใดตัวหนึ่งได้ คงต้องพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยประกอบกัน ผู้เขียนจึงขอกล่าวถึงหลักในการเลือกโดยยึดตามกรอบที่ใช้พิจารณาแบ่งเป็น
1.
การเลือกตามคุณลักษณะของรถเข็น
2.
การเลือกตามระดับความสามารถในการเคลื่อนไหวของผู้ป่วย
3.
การเลือกตามระดับของพยาธิสภาพในผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง
4.
การเลือกตามประโยชน์ใช้สอย
5. การจัดรถเข็นตามสิทธิในการได้รับรถนั่งคนพิการ
การเลือกตามคุณลักษณะของรถเข็น
คุณลักษณะบางอย่างที่จะต้องพิจารณา:
4. ความสามารถที่จะพับเก็บได้ รถเข็นประเภทรุ่นมาตรฐานทั่วไปส่วนใหญ่จะสามารถพับลำตัวเก็บได้หากไม่ใช้งานทำให้ไม่เปลืองเนื้อที่ในการจอดเก็บ และมีความสะดวกสำหรับการเดินทาง เช่น การจัดเก็บไว้ด้านหลังรถยนต์เก๋ง แต่รถบางรุ่นไม่สามารถพับได้ เช่น รถที่มีเบาะนั่งเป็นสแตนเลส หรืออลูมิเนียม และ รถที่ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า
5. แหล่งพลังงานของรถเข็นคนพิการไฟฟ้า
รถเข็นชนิดที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า
หากแรงส่งขับเคลื่อนอยู่ที่ล้อคู่หลังจะขับเคลื่อนได้เร็วกว่าชนิดแรงขับอยู่ที่ล้อคู่หน้า
7. การถอดที่พักแขนได้ รถเข็นทั่วไปจะมีแบบที่สามารถถอดที่พักแขนที่อยู่ด้านข้างออกได้ กับ
แบบที่ไม่สามารถถอดที่พักแขนได้ ในการเลือกต้องดูที่ความสามารถของผู้ใช้ว่าในขณะเคลื่อนย้ายตัวจากที่หนึ่งมายังรถเข็นหรือย้ายตัวจากรถเข็นไปยังอีกที่หนึ่งนั้น
ใช้วิธีการใดในการเคลื่อนย้ายตัว
หากสามารถลุกจากรถเข็นยืนตรงแล้วหมุนตัวลงไปนั่งอีกที่หนึ่งได้ ก็ไม่จำเป็นต้องถอดที่พักแขนออกและที่พักแขนยังเป็นประโยชน์ในการเป็นที่ยึดของมือในขณะเคลื่อนย้ายตัวได้อีกด้วย
แต่หากผู้ใช้ไม่สามารถยืนได้จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายตัวในลักษณะขยับสไลด์ตัวไปอีกที่หนึ่งทางด้านข้างของรถเข็น ที่พักแขนก็จะกลายเป็นสิ่งกีดขวางที่เราต้องเอาออกก่อนการเคลื่อนย้ายตัว จึงควรเลือกแบบถอดข้างได้
12. ระบบโครงสร้างและจุดสมดุล รถเข็นแต่ละรุ่นจะมีรูปแบบของโครงสร้างที่ต่างกันไป ถ้าแกนล้อหลังอยู่ค่อนมาทางด้านหน้าก็จะสามารถยกล้อหน้าได้ง่าย
แต่ถ้าล้อหลังค่อนมาทางด้านหลังก็จะยกล้อหน้าได้ยาก ซึ่งการยกล้อหน้าจะใช้เวลาที่ต้องมีการเข็นรถเข็นข้ามสิ่งกีดขวาง
เช่น ธรณีประตู ซึ่งรถเข็นบางรุ่นสามารถปรับแนวแกนล้อหลังได้แต่บางรุ่นก็ปรับไม่ได้
13. ขนาดของล้อ ขนาดของล้อหลังถ้าเป็นล้อขนาดเล็กซึ่งจะมีอยู่ในรถเข็นบางรุ่น
เช่น รุ่นท่องเที่ยว
จะไม่มีส่วนสำหรับใช้มือหมุน ( Hand Rim) ซึ่งผู้นั่งจะไม่สามารถเข็นได้เอง ส่วนรถเข็นที่มีล้อหลังขนาดใหญ่ส่วนมากจะมีส่วนสำหรับเข็นรถ
(Hand Rim) อยู่แล้ว
ส่วนขนาดของล้อหน้าของรถเข็นแต่ละรุ่นก็จะไม่เท่ากัน ล้อหน้าเล็กจะทำให้เลี้ยวง่ายแต่จะตกหลุมบ่อหรือร่องง่าย
แต่ถ้าเป็นล้อใหญ่จะเข็นผ่านทางขรุขระง่ายแต่เลี้ยวยาก
ต้องคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลักว่ามีความสามารถในการเคลื่อนไหวระดับใด เช่น
กำลังของกล้ามเนื้อแขนและมือมีมากแค่ไหน
อ่อนแรงสองข้างหรือข้างเดียว
กำลังของกล้ามเนื้อลำตัวที่ใช้ในการทรงตัว
ในที่นี้จะขอแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ
1. ผู้ที่เป็นอัมพาตครึ่งซีกหรือมีแรงแขนขาข้างเดียว
สามารถใช้รถเข็นรุ่นมาตรฐานทั่วไป
ไม่จำเป็นต้องถอดข้างได้ หากสามารถยืนขณะเคลื่อนย้ายตัวได้
2. ผู้ที่เป็นอัมพาตครึ่งท่อนล่าง
สามารถใช้รถเข็นรุ่นมาตรฐานทั่วไป
และควรเป็นแบบที่ถอดข้างได้เพื่อความสะดวกในการเคลื่อนย้ายตัว
หรือใช้รถเข็นแบบสำหรับนักกีฬา
3. ผู้ที่อ่อนแรงแขนขาและลำตัว ควรใช้รถเข็นที่สามารถปรับเอนนอนได้
มีระบบส่งกำลังที่ควบคุมด้วยไฟฟ้าหากไม่สามารถใช้มือเข็นรถได้
4. ผู้ได้รับบาดเจ็บระบบโครงสร้างของกระดูกและกล้ามเนื้อ
เช่น ขาหัก กระดูกสะโพกหัก
สามารถใช้รถเข็นรุ่นมาตรฐานทั่วไปได้
การเลือกตามระดับของพยาธิสภาพในผู้ป่วยบาดเจ็บไขสันหลัง
ในกลุ่มผู้ป่วยรับบาดเจ็บไขสันหลังที่มีการทำลายของระบบประสาทสั่งการจนมีผลต่อความสามารถในการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อส่วนต่าง
ๆ ซึ่งจะมีผลมากน้อยขึ้นอยู่กับระดับการบาดเจ็บและความรุนแรงของพยาธิสภาพ เช่น บาดเจ็บไขสันหลังระดับคอจะมีปัญหาในการควบคุมการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแขนและมือลงไปถึงส่วนล่างของร่างกาย
โดยจะแบ่งระดับของพยาธิสภาพและความเหมาะสมของรถเข็นดังนี้
1. บาดเจ็บไขสันหลังระดับคอที่ 1-4
(C1-C4): ชนิดของรถเข็นที่เหมาะสม
-
รถเข็นที่สามารถปรับเอนนอนได้
-
รถเข็นแบบมีน้ำหนักเบา
-
รถเข็นที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่สามารถปรับนั่งหรือยืนได้
โดยใช้คางหรือศีรษะของผู้ป่วยในการควบคุมปุ่มบังคับ
-
รถเข็นแบบมีน้ำหนักเบาปรับเอนนอนได้
-
รถเข็นที่มีระบบส่งกำลังให้สามารถปรับยืนได้
-
รถเข็นแบบมีระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า
-
รถเข็นแบบมีน้ำหนักเบาสามารถถอดปรับได้
-
รถเข็นแบบมีระบบส่งกำลังด้วยแขนและมือ
-
รถเข็นแบบสำหรับนักกีฬา
-
รถเข็นแบบมีระบบส่งกำลังด้วยแขนและมือ
-
รถเข็นแบบมีน้ำหนักเบาสามารถถอดปรับได้
-
รถเข็นแบบสำหรับนักกีฬา
5. บาดเจ็บไขสันหลังระดับอกที่
1 ( T1) ลงมา : ชนิดของรถเข็นที่เหมาะสม
- รถเข็นแบบมีระบบส่งกำลังด้วยแขนและมือ น้ำหนักเบา ไม่
จำเป็นต้องปรับได้
- รถเข็นแบบสำหรับนักกีฬา
- รถเข็นสำหรับนั่งขับถ่าย จะมีการเจาะรูให้สามารถนั่งถ่ายบนรถเข็นได้เลย แต่ก็จะแบ่งรุ่นที่มีถังรองรับอุจจาระในตัว
หรือบางรุ่นสามารถเข็นเข้าไปคร่อมบนโถชักโครกได้
แต่บางรุ่นก็จะมีข้อจำกัดคือไม่สามารถเข็นไปคร่อมบนโถชักโครกได้เพราะติดโครงสร้างของตัวรถด้านล่าง
-------------------------------------------------------------------------------
เบาะรองนั่งถือเป็นอุปกรณ์ประกอบที่จำเป็นมากสำหรับผู้ป่วยหรือผู้พิการที่ใช้รถเข็นที่ไม่สามารถยกขยับตัวขณะนั่งรถเข็นได้เอง เพราะการนั่งบนรถเข็นเป็นเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดการกดทับบริเวณกระดูกก้นกบจนกลายเป็นแผลกดทับได้ นอกจากนี้เบาะรองนั่งยังช่วยในการปรับระดับความสูงต่ำของตำแหน่งการนั่งเพื่อความสมดุล และทำให้เกิดความนุ่มสบายในขณะนั่ง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่มีรูปร่างผอม แผ่นรองที่ดีควรจะมีการรับน้ำหนักแล้วกระจายแรงกดได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง
1. เบาะฟองน้ำ (foam cushions) ข้อดีคือมีราคาถูก น้ำหนักเบา
มีระดับความหนาหลายขนาด มีความหนาแน่นของเนื้อฟองน้ำแตกต่างกันไป และสามารถตัดแต่งให้เข้ารูปตามต้องการได้ แต่กระจายแรงกดได้ไม่ดีนัก
3. เบาะยาง (rubber cushions ) มีความทนทานแต่มีน้ำหนักมาก การกระจายแรงกดไม่ค่อยดีนัก
4.
เบาะเจล (gel cushions) ข้อดีคือกระจายการรับแรงกดได้ดี
ทนทาน ไม่มีปัญหาการรั่วซึม แต่มีน้ำหนักมากและ ราคาค่อนข้างสูง
5. เบาะแบบผสม (Hybrids Cushions) เป็นเบาะที่ออกแบบมาโดยเอาคุณสมบัติด้านการกระจายแรงกด และให้มีน้ำหนักเบา เช่นผสมระหว่างลมกับเจล หรือลมกับฟองน้ำ
6. เบาะน้ำ (water flotation pad) ข้อดีคือกระจายการรับแรงกดได้ดี
ราคาไม่แพง แต่มีน้ำหนักมาก
มีปัญหาการรั่วซึมหากวัสดุห่อหุ้มฉีกขาดเสียหาย
|
1. หลักสูตรอบรมการให้บริการรถนั่งคนพิการ: คู่มือประกอบการอบรม - ระดับพื้นฐาน © Sirindhorn National Medical
Rehabilitation Centre 2014[อินเทอร์เน็ต]. 2556 [เข้าถึงเมื่อ 2560 พฤศจิกายน
18].เข้าถึงได้จากhttp://apps.who.int/iris/bitstream/10665/78236/60/9789241503471_reference_manual_tha.pdf?ua=1
2. Lorraine Wiliams Pedretti, Barbara
Zoltan. Occupational
Therapy Practice Skills for Physical Dysfunction. 3 rd ed. Toronto: The C.V. Company; 1990
3. Jack R. Ford, Bridget Duckworth. Physical Management for the
Quadriplegic Patient. 2 ed. Philadelphia,
Pennsylvania: F.A. Davis Company; 1987
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น