เมื่อเกิดเหตุการณ์รุนแรง การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้น
เหตุการณ์พายุนากิสพัดถล่มประเทศเมียนมาร์เมื่อหลายปีก่อน ส่งผลให้เกิดความเสียหายมากมาย แต่จากการรายงานข่าวก็จะเห็นได้ว่า เหตุการณ์ร้ายนั้นก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างตามมา โดยเฉพาะการพัฒนาระบบสาธารณสุขของประเทศ ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า หลังเกิดเหตุการร้าย ๆ จะส่งผลให้เกิดเหตุการณ์ดีๆ ตามมาให้เราได้เห็นเสมอไม่มากก็น้อย ซึ่งเกิดจากการจัดสมดุลของผลกระทบ
เหตุการณ์ร้ายได้เกิดขึ้นกับผมเช่นกัน เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2563 ผมประสบอุบัติเหตุขณะขี่รถจักรยานแม่บ้านซื้อกับข้าวข้ามถนนแล้วโดนมอเตอร์ไซด์ชน ทำให้ผมสลบกลางอากาศไปฟื้นรู้สึกตัวที่โรงพยาบาล ที่บอกว่าสลบกลางอากาศเพราะมีคนที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่าเห็นผมกระเด็นตัวลอยเลย และผมก็ไม่รู้เลยว่าโดนชนตอนไหนอย่างไร เพราะการรับรู้มันดับหายไปตั้งแต่ตอนอยู่บนรถจักรยานเลย ผมฟื้นตอนที่ตัวเองนอนอยู่บนแปลเข็นคนป่วย แล้วผมมองเห็นหลอดไฟส่องสว่างบนเพดานที่เลื่อนผ่านไปทีละดวงเหมือนฉากในภาพยนต์เลย มีคนเรียกและถามว่าผมชื่ออะไร ผมตอบเขาไปพร้อมกับรู้ตัวแล้วว่าต้องเกิดเหตุร้ายขึ้นกับผมแน่ ๆ หลังจากนั้นผมก็จำไม่ได้เลยว่าตอนอยู่ในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลเขาทำอะไรให้ผมบ้าง แต่จำได้ว่าภรรยา ลูกสาว เพื่อนร่่วมงาน และหลาน เข้ามาหา
ผลจากอุบัติเหตุครั้งนี้ทำให้ผมมีเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง กระดูกโหนกแก้มและกรามขวาหัก บาดแผลถลอกตามแขนขาและลำตัว หน้าตาบวม และมองเห็นภาพซ้อน เหตุการณ์นี้ได้เปลี่ยนกิจกรรมการดำเนินชีวิตของผมอย่างมากมาย เปลี่ยนบทบาทจากผู้ให้บริการด้านสุขภาพในฐานะนักกิจกรรมบำบัดมาอยู่ในบทบาทของผู้รับบริการ เปลี่ยนบทบาทในการเป็นผู้ดูแลคนในครอบครัวเป็นให้คนในครอบครัวคอยดูแล เปลี่ยนบทบาทเป็นที่ปรึกษาแก่่น้อง ๆ ในที่ทำงานเป็นผู้ที่ต้องพักงาน อ่ย่างที่ผมได้บอกว่าเมื่อเกิดเรื่องร้ายๆ จะเกิดการจัดสมดุลให้เกิดเรื่องดีตามมาด้วย ผมจะเล่าให้ฟังว่ามีอะไรเกิดขึ้นตามมาบ้าง
อย่างแรกอุบัติเหตุทำให้ผมเห็นความจริงว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา สิ่งที่ทำได้คือ ยอมรับความจริง อยู่กับปัจจุบัน ให้อภัย และปล่อยวาง
อย่างที่สอง เกิดผลกระทบกับสิ่งรอบตัว มีร้ายมีดี มีลบมีบวก คือ
กระทบคนในครอบครัว :
ภรรยาผมต้องดูแลตนเองในการเดินทางไปทำงานนั่งวินมอเตอร์ไซด์ใช้รถโดยสารสาธารณะเพราะผมไปรับไปส่งไม่ได้ คอยดูแล ทำงานบ้าน ปรับตัวสู้ไปด้วยกัน ลูกสาวต้องมาคอยดูแลเฝ้าไข้ โชคดีที่เป็นช่วงปิดเทอม เขาทำได้ดีโดยไม่ต้องสอน เขาได้รับการถ่ายทอด ซึมซับจากการปฏิบัติของเรา
เมื่อถึงเวลาเขาดึงมาใช้ได้เลย ญาติ เพื่อนร่วมงาน คนรู้จัก ที่มาเยี่ยมไข้ ทำให้เราเห็นน้ำใจ เห็นความห่วงใย และความผูกพันธ์ที่มีต่อกัน ซึ่งเป็นความทราบซึ้งใจที่แปรเปลี่ยนเป็นกำลังใจให้แก่ผมเป็นอย่างดี รวมถึงพ่อแม่ที่คอยภาวนาทุกวันให้เราหายเร็ว ๆ
กระทบคนในที่ทำงาน : ก่อนเกิดอุบัติเหตุผมเป็นที่ปรึกษาให้หัวหน้างานในฐานะที่เคยทำหน้าที่นี้มาก่อน ในเวลาใกล้ ๆ กันน้องที่ทำหน้าที่หัวหน้างานก็เกิดเจ็บป่วยต้องเข้านอนโรงพยาบาลเหมือนกัน เมื่อขาดผู้นำน้อง ๆ ที่ทำงานอยู่ก็แสดงศักยภาพให้เห็น โดยมีคำชมจากเพื่อนร่วมงานที่ส่งมาทางไลน์ ผู้บังคับบัญชาก็มีเมตตาให้การช่วยเหลืออำนวยความสะดวกในการเข้าพักรักษาตัว เพื่อนเจ้าหน้าที่ต้องทำหน้าที่ดูแลระหว่างพักรักษาตัว เพื่อนร่วมงาน
หัวหน้าของภรรยา ให้การช่วยเหลือในการหยุดงานมาดูแล
กระทบกับคนรอบข้าง : จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น ส่งผลให้คนรอบข้างได้แสดงน้ำใจ ให้การช่วยเหลือ เยี่ยมไข้ ทักทายส่งความปรารถนาดี
ข้อคิดที่ได้ : เห็นศักยภาพของคนในรอบครัว คนในที่ทำงาน และน้ำใจของคนรอบข้าง
1. อย่างที่สามคือพลังในการฟื้นฟูตนเอง ผมได้พลังและใช้วิธีจากสิ่งเหล่านี้คือ ผมได้กำลังใจจากคนรอบตัว
ครอบครัว ที่ทำงาน และตัวเอง ในหลายรูปแบบ เช่น คำพูดของหมอและเจ้าหน้าที่ที่มาให้บริการ ตัวอย่างคำพูดเช่น "หน้าตาดูสดใสขึ้นนะ" "ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ดีขึ้น" "หล่อเหมือนเดิมแล้ว" "โชคดีนะที่ไม่เป็นอะไรมากกว่านี้" ผมยังได้กำลังใจจากเพื่อนและพี่น้องที่มาเยี่ยม จากท่าท่าง ความจริงใจที่สัมผัสได้ ผมหาแรงเสริมทางบวกจากโลกโซเชี่ยล จากโพสข้อคิดดี ๆ ที่ชึ้นมาบนเฟสบุ๊ค จากไลน์กลุ่มครอบครัวที่พูดคุยกามไถ่อาการกันด้วยความห่วงใย จากเพจคิดบวก และฟังธรรมมะจากพระอาจารย์ในยูทูป
ข้อคิดที่ได้ :
มีสติ คิดบวก
ตั้งเป้าหมายให้ตนเอง ให้กำลังใจผู้อื่น ฝึกสมาธิ อยู่กับปัจจุบัน
ไม่ฟุ้งซ่าน ไม่มะโนเกินจริง
2. อย่างที่สี่ที่เกิดหลังเหตุร้ายคือที่สิ่งที่ได้เห็น
ได้สัมผ้สและรับรู้ จากการที่ตัวเราต้องเข้าไปอยู่ในฐานะผู้รับบริการและอยู่ในพื้นที่ให้บริการขณะเข้ารับการรักษาตัว ผมเห็นการทำงานอย่างมืออาชีพและการทำงานแค่ให้มีอาชีพ เห็นคนรุ่นใหม่ที่ทำงานคล่องแคล่ว ใช้ภาษาที่เป็นทางการในขณะให้บริการ ปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้ ในขณะเดียวกันก็เห็นคนรุ่นเก่าที่ทำงานโดยใช้ประสบการณ์หรือความชำนาญที่สะสมมา มีความยืดหยุ่น บางคนใช้ภาษาบ้าน ๆ ในการสื่อสารแต่ก็ดูจริงใจ
- ผมได้เห็นความสัมพันธ์กันของสถานที่กับพฤติกรรมบริการว่าถ้าสถานที่ให้บริการมีความใหม่และโอ่โถงดูทันสมัย แต่ผู้ให้บริการยังไม่ปรับพฤติกรรมบริการให้มีเซอวิสมายด์ มีมาตรฐานการให้บริการ ไม่ปรับชุดฟอร์มให้ดูทันสมัย ไม่ปรับการพูดจาเป็นภาษาทางการ มันจะดูขัดแย้งและไม่ไปด้วยกันของสถานที่ให้บริการนั้น ๆ
ส่วนตัวผมเองก็มีความเข้าใจความคิดความรู้สึกของผู้รับบริการหรือผู้ป่วยมากขึ้น มันเป็นการรู้แจ้งเห็นจริงด้วยตนเองว่าการอยู่ในสภาพที่ต้องพึ่งพา สูญเสียความสามารถบางอย่าง ต้องนั่งบนรถเข็นแล้วเงยหน้าพูดคุยกับคนที่ยืนอยู่ ส่งผลต่อความมั่นใจ ความภาคภูมิใจในตนเองเป็นอย่างมาก
ผ่านไปสองปีนับจากวันที่เกิดอุบัติเหตุ ผมยังต้องทำกิจกรรมการดำเนินชีวิตให้เป็นปกติในรูปแบบใหม่ ผลจากการมองเห็นภาพซ้อนทำให้ผมทำอะไรได้ไม่ถนัด การเคลื่อนไหวหยิบจับอะไรก็ต้องระมัดระวัง การเดินก็เกิดอาการตัวเกร็งแข็งเพราะกลัวสะดุดล้ม แต่ผมก็พยายามทำทุกอย่างที่เคยทำได้ให้มากที่สุด อาการมองเห็นภาพซ้อนดีขึ้นมาระดับหนึ่งและเริ่มที่จะคงที่ไม่ดีขึ้น มีแผนที่จะต้องผ่าตัดกล้ามเนื้อตาในอนาคตเพื่อลดการเห็นภาพซ้อน ตอนนี้ผมอยู่กับความสามารถจริงในปัจจุบัน ยอมรับมัน รู้เท่าทันไม่ฝืนตัวเอง
ข้อคิดที่ได้ : คนรุ่นใหม่ควรทำความเข้าใจนรุ่นเก่า
คนรุ่นเก่าควรปรับให้เข้ากับปัจจุบัน อัปเดทให้รู้เท่าทัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น