ขึ้นเขาวงพระจันทร์....ตามฝันเมื่อวันวาน
เมื่อประมาณยี่สิบกว่าปีที่แล้วผมเป็นทหารเกณฑ์อยู่ที่ลพบุรี และมีโอกาสได้นั่งรถผ่านเขาวงพระจันทร์และเห็นเขาวงพระจันทร์เป็นครั้งแรกก็เกิดความรู้สึกว่าอยากจะขึ้นไปบนยอดเขานี้ ตอนน้ันไม่รู้ว่าบนยอดเขามีอะไรบ้าง ต่อมาผมก็มีโอกาสเห็นเขาวงพระจันทร์อยู่บ่อยครั้งเพราะบ้านเกิดของภรรยาอยู่ที่ตำบลจันเสน อำเภอตาคลี ในเวลาที่กลับบ้านก็จะมีธุระที่ต้องขับรถไปลพบุรีและเห็นเขาวงพระจันทร์อยู่ไกล ๆ และก็บอกกับตัวเองทุกครั้งว่าถ้ามีโอกาสจะไปขึ้นยอดเขานี้ แต่เวลาผ่านไปเป็นสิบปีก็ยังไม่มีโอกาสได้ไปขึ้นและยังอยากไปขึ้นเขาอยู่ จนสุดท้ายเมื่อประมาณปลายปี 59 ก็ขับรถผ่านเขาอีกและก็บอกกับตัวเองและภรรยาว่าตอนนี้อายุมากแล้วคงขึ้นเขาวงพระจันทร์ไม่ไหวแล้ว แต่ว่าเฟซบุ๊คก็มาขุดประกายให้ผมอีกเมื่อมีคนแชร์เรื่องการจัดงานประจำปีวัดเขาวงพระจันทร์พร้อมภาพบรรยากาศของการเดินเท้าขึ้นบันไดสามพันกว่าขั้นเพื่อขึ้นยอดเขา ผมยังคงคิดว่าตัวเองขึ้นไม่ไหวแต่ขอแชร์ต่อให้เพื่อนเฟชบุ๊ค อีกไม่ก้วันต่อมาก็เห็นภาพพี่ๆ ที่อายุมากกว่าผม และหลานตัวเล็ก ๆ โพสต์ขึ้นเฟชบุ๊คว่าไปขึ้นเขาวงพระจันทร์มาแล้ว เท่านั้นเองครับแรงบันดาลใจก็เกิดกับผมทันทีว่าพี่ ๆ เขาขึ้นไหวผมก็ต้องไหว จังหวะได้พอดีเพราะอาทิตย์ถัดมาเป็นวันหยุดสามวันเรามีแผนจะเดินทางไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านจันเสน ผมจึงกำหนดไว้ในแผนทันทีว่าผมจะไปขึ้นเขาวงพระจันทร์แต่ไม่รู้ว่าใครจะไปกับผมบ้าง
และแล้ววันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2560 ซึ่งเป็นวันเกือบสุดท้ายของการจัดงาน ผมกับลูกสาวก็พากันไปขึ้นเขาวงพระจันทร์ จากการได้คุยกับคนที่ไปมาแล้วก็ได้ข้อมูลว่าต้องเตรียมยาทานวดขาและทาตั้งแต่ก่อนขึ้นเพราะส่วนใหญ่หลังลงมาจะปวดขากันทุกคน ภรรยาผมเตรียมข้าวเหนียวหมูทอดไว้ให้เป็นเสบียง เพราะผมตัดสินใจจะไปขึ้นตอนสาย ๆ น่าจะไปถึงยอดเขาประมาณเที่ยงวันเพราะมีคนบอกว่าใช้เวลาขึ้นประมาณสองชั่วโมง แต่ในช่วงจัดงานจะมีร้านค้าขายอาหารและเครื่องดื่มระหว่างทางขึ้นแต่ราคาจะแพง
เมื่อไปถึงบริเวณวัดก็พบว่ามีรถจอดอยู่หลายร้อยคันและผู้คนเยอะมาก อาจเป็นเพราะตรงกับวันหยุด เมื่อได้ที่จอดรถแล้วเราก็ไปเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยก่อนเพราะได้ยินเสียงโฆษกที่วัดประกาศว่าห้องน้ำบนเขาใช้ไม่ได้เพราะไม่มีน้ำ และวันนี้ก็ไม่มีข้าวต้มเลี้ยงด้วยเช่นกัน เราเริ่มเดินขึ้นเมื่อเวลาประมาณสิบโมงสิบนาที เมื่อเห็นจำนวนขั้นบันไดที่มีป้ายบอกว่าทั้งหมด 3790 ขั้น ก็รู้สึกเหนื่อยเลยเหมือนกันแต่พอไปเห็นขนาดของความสูงของขั้นบันไดแล้วค่อยโล่งใจขึ้นเพราะสูงแค่สองสามนิ้วเอง
เราเดินต่อแถวผู้คนไปเรื่อย ๆ จะมีราวเหล็กอยู่ตรงกลางแบ่งเป็นฝั่งขาขึ้นและฝั่งขาลง จำนวนคนขึ้นและคนลงก็ใกล้เคียงกันแสดงว่าวันนี้มีคนขึ้นไปตั้งแต่เช้าเยอะเหมือนกัน ถึงแม้จะก้าวไม่สูงแต่ก็ทำให้เมื่อยมากเหมือนกัน ผมชวนลูกสาวหยุดพักเป็นระยะ ๆ พยายามไม่ให้กล้ามเนื้อล้าและไม่ให้กล้ามเนื้อทำงานหนักเกินไป โชคดีวันนี้อากาศดีมีลมพัดแรงทำให้ไม่ร้อนมาก บริเวณจุดพักจะเป็นร้านขายอาหารและน้ำซึ่งคนจะแน่นมากจนไม่มีที่นั่งว่าง ระหว่่างทางเราจะเจอเจ้าหน้าที่วัดขนของลงมาด้วยวิธีพิเศษคือนั่งบนถุงคล้ายถุงปุ๋ยแล้วสไลด์มาตามราวเหล็กตรงกลางบันได และผมก็เห็นว่ามีการขายถุงให้ผู้ที่ต้องการลงแบบท้าทายนี้ด้วยราคาใบละยี่สิบบาท
ในที่สุดเราก็ขึ้นไปถึงยอดเขาเมื่อเวลาสิบเอ็ดโมงสี่สิบนาที สรุปแล้วเราใช้เวลขึ้นเขาประมาณชั่วโมงครึ่ง วันนี้ข้างบนลมแรงมาก ก่อนที่เราจะไปทำบุญและไหว้รอยพระพุทธบาท เราเห็นป้ายบอกทางไปผานางฟ้าและยกช้างเสี่ยงทายซึ่งอยู่ที่สันเขาอีกด้านหนึ่ง
หลังจากไปดูที่ผานางฟ้าและเห็นการยกช้างเสี่ยงทายเราก็มาถวายสังฆทานและขึ้นไปกราบรอยพระพทธบาท และแวะลงไปดูถ้ำแม่นางเกตุมณีศรีประจันต์ เดินชมวิวจนพอใจแล้วเราก็พากันเดินลงมาจากเขา ขาลงเราใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวและไม่เหนื่อยมากแต่จะรู้สึกเมื่อยบริเวณหน้าขามากกว่าขาขึ้นเวลาหย่อนตัวลงขั้นบันได
การขึ้นเขาวงพระจันทร์ในครั้งนี้ของผม ทำให้ผมได้ข้อคิดว่าเราต้องให้โอกาสตัวเองในการทำในสิ่งที่เราคิดว่าเราทำไม่ได้ ผมเห็นผู้สูงอายุ เด็กเล็ก คนที่มีรูปร่างอ้วน คนที่ดูสุขภาพไม่แข็งแรง เดินขึ้นเขาวงพระจันทร์ มีบางคนประเมินตนเองว่าไม่ไหวก็ขอหันหลังกลับ แต่ส่วนใหญ่สามารถขึ้นไปถึงยอดเขาได้ สำหรับผมแรงบันดาลใจคือการเห็นคนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องทำแบบเขาทุกอย่าง เพราะผมก็เดินไปพักไปตามกำลังและสภาพของตัวเอง รู้ตัวเองว่าไหวแค่ไหน
ซึ่งสุดท้ายผมก็ได้ทำตามฝันที่เคยคิดไว้ว่าจะพิขิตเขาวงพระจันทร์ด้วยการเดินขึ้นบันได 3790 ขั้นได้
ราเมศร์ ก.พ.60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น