ความสมดุลของชีวิตที่เกิดจากแนวพระราชดำริ
- ส่วนที่หนึ่ง พื้นที่ร้อยละ 30 (ประมาณ 3 ไร่) ให้ขุดเป็นสระกักเก็บน้ำประจำไร่นา ลึก 4 เมตร จุน้ำได้ประมาณ 10,000 ลูกบาศก์เมตร เพื่อไว้กักเก็บน้ำในฤดูฝนไว้ใช้ทำนา รวมทั้งไว้อุปโภคบริโภคและทำการเกษตรผสมผสานได้พอเพียงตลอดปี
- ส่วนที่สอง พื้นที่ร้อยละ 60 (ประมาณ 10 ไร่) ให้เป็นพื้นที่ทำการเกษตร โดยการทำไร่นาสวนผสม ด้วยการปลูกข้าวร้อยละ 30 ที่เหลือปลูกพืชสวน ไม้ผล ตามความเหมาะสมของสภาพแวดล้อมและตลาดท้องถิ่น
- ส่วนที่สาม พื้นที่ร้อยละ 10 (ประมาณ 2 ไร่) เป็นบริเวณที่อยู่อาศัย โรงเรือน คอกสัตว์ ทำกองปุ๋ย กองฟาง ลานตาก-นวดพืชผล ฯลฯ
จะเห็นว่าพระองค์ท่านได้ทรงคำนวณแล้วว่านี่คือความสมดุลหรือความพอดีที่จะเกิดขึ้นหากเราปฏิบัติตามแนวทางนี้ ถึงแม้ในความเป็นจริงเราอาจจะไม่สามารถทำได้ตรงตามนั้น เช่น เรามีข้อจำกัดด้านขนาดของพื้นที่ แต่เราก็สามารถยึดหลักการมาได้โดยจัดการตามเปอร์เซ็นที่เพิ่มขึ้นหรือลดลงของพื้นที่ ซึ่งหากมองให้ลึกซึ้งแล้วจะเห็นความสมดุลในทุก ๆ ด้านจนเกิดเป็นวิถีชีวิตที่ยั่งยืน
ด้านสภาพแวดล้อมที่สมดุลได้แก่ ไร่นาสวนผสมที่มีความหลากหลายของพืชพรรณ มีพืชหลักคือข้าวที่ต้องเพียงพอที่จะกินกันทั้งปี มีพืชรองและสัตว์เลี้ยงที่จะทำให้เราไม่ขาดแคลนสารอาหาร พรรณไม้ที่หลากหลายก่อให้เกิดวงจรชึวิตที่สมบูรณ์ของพืชและสัตว์ เสริมสร้างโอโซน ทำให้เราได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี การลงมือลงแรงผลิตและดูแลพืชผลที่ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไปคือแค่พอมีพอกินเหลือขายเล็กน้อยทำให้ได้ออกกำลังกาย ส่งผลสุขภาพของเราแข็งแรง การรู้จักพอเพียงทำให้จิตใจของเราไม่ฟุ้งเฟ้อทะเยอทะยานจนเกิดความเครียด จึงมีแต่ความสงบสุข
การทำตามหลักทฤษฏีใหม่ของพระองค์ ทำให้เราต้องใช้ความคิดในการวางแผนจัดการ ใช้การเรียนรู้ ทำให้เกิดเป็นสติและปัญญาตามมา ซึ่งจะบันดาลใจให้มีความเพียรพยายามปฏิบัติจนชีวิตผ่านไปถึงจุดที่เกิดความสมดุลได้ คือการมีอาชีพที่ก่อให้เกิดผลผลิตที่จะเลี้ยงชีวิตอย่างยั่งยืน แข็งแรง สมบูรณ์ จากปัจจัยด้านอาหารที่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ ปลอดสารพิษ จากการได้ออกกำลังกายด้วยการทำงานกลางแจ้ง จากการได้ใช้ชิวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีมีโอโซนบริสุทธ์ และจากการใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายไม่เร่งรีบ ไม่เครียด ด้วยการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์
ผมเห็นว่านี่คือแนวพระราชดำริที่วิเศษที่สุด สำหรับการสร้างสมดุลให้กับชีวิตของเราให้ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและเป็นสุข ถึงแม้วันนี้พระองค์ท่านจะเสด็จสวรรคตสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่วิถีชีวิตของราษฎรที่น้อมนำแนวทฤษฎีใหม่และยึดหลักเศรษฐิกจพอเพียงมาใช้นั้น จะสืบทอดวิถีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปอีกนานแสนนาน
ราเมศร์ เรืองอยู่
พ.ย. 2559
การทำตามหลักทฤษฏีใหม่ของพระองค์ ทำให้เราต้องใช้ความคิดในการวางแผนจัดการ ใช้การเรียนรู้ ทำให้เกิดเป็นสติและปัญญาตามมา ซึ่งจะบันดาลใจให้มีความเพียรพยายามปฏิบัติจนชีวิตผ่านไปถึงจุดที่เกิดความสมดุลได้ คือการมีอาชีพที่ก่อให้เกิดผลผลิตที่จะเลี้ยงชีวิตอย่างยั่งยืน แข็งแรง สมบูรณ์ จากปัจจัยด้านอาหารที่ครบถ้วนตามหลักโภชนาการ ปลอดสารพิษ จากการได้ออกกำลังกายด้วยการทำงานกลางแจ้ง จากการได้ใช้ชิวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีมีโอโซนบริสุทธ์ และจากการใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายไม่เร่งรีบ ไม่เครียด ด้วยการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียงของพระองค์
ผมเห็นว่านี่คือแนวพระราชดำริที่วิเศษที่สุด สำหรับการสร้างสมดุลให้กับชีวิตของเราให้ดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนและเป็นสุข ถึงแม้วันนี้พระองค์ท่านจะเสด็จสวรรคตสู่สวรรคาลัยแล้ว แต่วิถีชีวิตของราษฎรที่น้อมนำแนวทฤษฎีใหม่และยึดหลักเศรษฐิกจพอเพียงมาใช้นั้น จะสืบทอดวิถีชีวิตที่สมดุลและมีความสุขอย่างยั่งยืนไปอีกนานแสนนาน
ราเมศร์ เรืองอยู่
พ.ย. 2559
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น