วันเสาร์ที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2558

จุดอิ่มตัวของการติดเกม


          ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตติดเกมคอมพิวเตอร์ของผมจะยุติลงได้อย่างง่ายดาย   เป็นการยุติอย่างกระทันหัน หักดิบ เลิกเล่นทันทีเมื่อคิดว่าจะไม่เล่นแล้ว  พร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่าอะไรที่ทำให้เราเลิกเล่นเกม  ในวันที่เขียนบทความนี้อยู่ผมเป็นอิสระจากชีวิตติดเกมมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว
          จากเวลาที่ย้อนกลับไปประมาณสิบปีที่ผมต้องจัดให้มีเวลาอยู่หน้าจอในแต่ละวันประมาณสองชั่วโมงสำหรับการเล่นเกม โดยเฉพาะเกมที่ผู้เล่นจะต้องทำระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่ามันท้าทายให้เราต้องทำให้ได้ เมื่อทำได้ก็อยากจะทำให้ได้ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก  จนถึงจุดสูงสุดของเกมก็จะรู้สึกประสบความสำเร็จ  แล้วก็หาเกมอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันเล่นต่อ   อาจจะเป็นเพราะว่าเกมสามารถตอบสนองลักษณะนิสัยลึก ๆ ในตัวที่ผมเคยประเมินตนเองด้วยแบบทดสอบแรงจูงใจในการทำกิจกรรมของมนุษย์สมัยทำภาคนิพนธ์ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้  ซึ่งแรงจูงใจจากช้างในของคนเรามีสามเหตุผลคือ มุ่งสำเร็จ มุ่งสัมพันธ์ และมุ่งอำนาจ  โดยผลการประเมินแปลเป็นว่าผมเป็นคนที่ทำกิจกรรมเพื่อมุ่งสำเร็จ  อาจด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ผมชอบเล่นเกมที่ต้องผ่านระดับขึ้นไปเรื่อย ๆ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมเอาไปใช้กับการทำงานประจำแทนใช้ในการเล่นเกม  แต่คำตอบของเรื่องที่ว่าทำไมผมจึงไม่ใช้ในการทำงานก็คือความสำเร็จจากการเล่นเกมมันง่ายกว่ากันเยอะเมื่อเทียบกับการทำงาน ผมจึงเลือกที่มันสำเร็จได้ง่ายกว่าซึ่งก็คือเกมนั่นเอง


      
         เมื่อยุติการเล่นเกมผมก็รู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระ  ชีวิตไม่ต้องไปจดจ่อเพื่อหาจังหวะเวลาในการเล่นเกม ผมมีเวลาทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น  มีอิสระในเรื่องของเวลาและรู้สึกผ่อนคลายไม่เร่งรัด   และก็อยากจะหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้ผมเลิกเล่นเกมได้อย่างทันทีทันใด เพราะก่อนหน้าที่ผมจะเลิกเล่นประมาณหนึ่งสัปดาห์ผมยังประกาศกับเพื่อนร่วมงานอยู่เลยว่าเกมคือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผม  ผมจึงเริ่มทบทวนตนเองย้อนไปเรื่อย ๆ ว่าขณะที่ผมเล่นเกมนั้นผมเจอหรือสัมผัสความคิดอะไรบ้าง   ผมเห็นว่ามีหลายครั้งมากที่ผมรู้ผิดเพราะต้องผิดนัดกับคนอื่น เช่นเพื่อนร่วมงาน  การประชุม รวมถึงการไปรับลูกที่โรงเรียน ด้วยสาเหตุว่าต้องเล่นเกมให้จบก่อน    หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานทั้งงานประจำที่ต้องเอามาทำนอกเวลา งานบ้าน   และก็ทำอย่างด้อยคุณภาพเพราะเหลือเวลาน้อยเนื่องจากต้องแบ่งเวลาไปเล่นเกม และหลายครั้งที่ต้องนอนดึกและรู้สึกถึงสุขภาพที่เสื่อมโทรมจากการพักผ่อนไม่เพียงพอในวันที่จัดเวลาเล่นเกมมาไว้ช่วงท้ายสุดของวัน   ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ผมมองตัวเองและเห็นตัวเองเสมอว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมและผมก็เก็บความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้ในใจมาเรื่อย ๆ




         ในเมื่อทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ   และธรรมชาติก็จะปรับสมดุลด้วยวิธีทางธรรมชาติ  รวมถึงความสมดุลทางด้านจิตใจ  ซึ่งผมคิดว่ามันคงถึงเวลาที่จิตใจของผมมันจะปรับสมดุลด้วยการถึงจุดอิ่มตัวจากการสะสมความคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่สมดุลแล้ว มันส่งผลกระทบต่อฝั่งของกิจกรรมที่ผมควรจะทำ  เหมือนการทำปฏิกิริยาของสารเคมีที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงจุดหนึ่งของการผสมผสาน   และนี่ก็คือคำตอบที่ผมตอบตัวเอง   

                                                                                                                                           ราเมศร์  เรืองอยู่
                                                                                                                                         13 มิถุนายน 2558

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น