จุดอิ่มตัวของการติดเกม
ไม่น่าเชื่อว่าชีวิตติดเกมคอมพิวเตอร์ของผมจะยุติลงได้อย่างง่ายดาย เป็นการยุติอย่างกระทันหัน หักดิบ
เลิกเล่นทันทีเมื่อคิดว่าจะไม่เล่นแล้ว
พร้อมกับคำถามที่เกิดขึ้นกับตัวเองว่าอะไรที่ทำให้เราเลิกเล่นเกม ในวันที่เขียนบทความนี้อยู่ผมเป็นอิสระจากชีวิตติดเกมมาได้ประมาณหกเดือนแล้ว
จากเวลาที่ย้อนกลับไปประมาณสิบปีที่ผมต้องจัดให้มีเวลาอยู่หน้าจอในแต่ละวันประมาณสองชั่วโมงสำหรับการเล่นเกม
โดยเฉพาะเกมที่ผู้เล่นจะต้องทำระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่ามันท้าทายให้เราต้องทำให้ได้
เมื่อทำได้ก็อยากจะทำให้ได้ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก จนถึงจุดสูงสุดของเกมก็จะรู้สึกประสบความสำเร็จ แล้วก็หาเกมอื่นที่มีลักษณะคล้ายกันเล่นต่อ อาจจะเป็นเพราะว่าเกมสามารถตอบสนองลักษณะนิสัยลึก
ๆ ในตัวที่ผมเคยประเมินตนเองด้วยแบบทดสอบแรงจูงใจในการทำกิจกรรมของมนุษย์สมัยทำภาคนิพนธ์ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ ซึ่งแรงจูงใจจากช้างในของคนเรามีสามเหตุผลคือ มุ่งสำเร็จ มุ่งสัมพันธ์
และมุ่งอำนาจ
โดยผลการประเมินแปลเป็นว่าผมเป็นคนที่ทำกิจกรรมเพื่อมุ่งสำเร็จ อาจด้วยเหตุนี้ที่ทำให้ผมชอบเล่นเกมที่ต้องผ่านระดับขึ้นไปเรื่อย
ๆ มันคงจะดีกว่านี้ถ้าผมเอาไปใช้กับการทำงานประจำแทนใช้ในการเล่นเกม แต่คำตอบของเรื่องที่ว่าทำไมผมจึงไม่ใช้ในการทำงานก็คือความสำเร็จจากการเล่นเกมมันง่ายกว่ากันเยอะเมื่อเทียบกับการทำงาน
ผมจึงเลือกที่มันสำเร็จได้ง่ายกว่าซึ่งก็คือเกมนั่นเอง
เมื่อยุติการเล่นเกมผมก็รู้สึกได้ถึงความเป็นอิสระ ชีวิตไม่ต้องไปจดจ่อเพื่อหาจังหวะเวลาในการเล่นเกม
ผมมีเวลาทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ได้มากขึ้น
มีอิสระในเรื่องของเวลาและรู้สึกผ่อนคลายไม่เร่งรัด และก็อยากจะหาคำตอบว่าอะไรที่ทำให้ผมเลิกเล่นเกมได้อย่างทันทีทันใด
เพราะก่อนหน้าที่ผมจะเลิกเล่นประมาณหนึ่งสัปดาห์ผมยังประกาศกับเพื่อนร่วมงานอยู่เลยว่าเกมคือส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ของผม ผมจึงเริ่มทบทวนตนเองย้อนไปเรื่อย ๆ ว่าขณะที่ผมเล่นเกมนั้นผมเจอหรือสัมผัสความคิดอะไรบ้าง
ผมเห็นว่ามีหลายครั้งมากที่ผมรู้ผิดเพราะต้องผิดนัดกับคนอื่น เช่นเพื่อนร่วมงาน การประชุม รวมถึงการไปรับลูกที่โรงเรียน
ด้วยสาเหตุว่าต้องเล่นเกมให้จบก่อน
หลายครั้งที่ผมรู้สึกว่าไม่ได้ทำงานทั้งงานประจำที่ต้องเอามาทำนอกเวลา
งานบ้าน
และก็ทำอย่างด้อยคุณภาพเพราะเหลือเวลาน้อยเนื่องจากต้องแบ่งเวลาไปเล่นเกม
และหลายครั้งที่ต้องนอนดึกและรู้สึกถึงสุขภาพที่เสื่อมโทรมจากการพักผ่อนไม่เพียงพอในวันที่จัดเวลาเล่นเกมมาไว้ช่วงท้ายสุดของวัน ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เหล่านี้ผมมองตัวเองและเห็นตัวเองเสมอว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมและผมก็เก็บความรู้สึกที่เกิดขึ้นไว้ในใจมาเรื่อย
ๆ
ในเมื่อทุกอย่างล้วนเป็นไปตามธรรมชาติ
และธรรมชาติก็จะปรับสมดุลด้วยวิธีทางธรรมชาติ รวมถึงความสมดุลทางด้านจิตใจ ซึ่งผมคิดว่ามันคงถึงเวลาที่จิตใจของผมมันจะปรับสมดุลด้วยการถึงจุดอิ่มตัวจากการสะสมความคิดว่าสิ่งที่ทำอยู่มันไม่สมดุลแล้ว มันส่งผลกระทบต่อฝั่งของกิจกรรมที่ผมควรจะทำ
เหมือนการทำปฏิกิริยาของสารเคมีที่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อถึงจุดหนึ่งของการผสมผสาน
และนี่ก็คือคำตอบที่ผมตอบตัวเอง
ราเมศร์ เรืองอยู่
13 มิถุนายน 2558